15 December 2008

ดนตรีในสวน



ก็เป็นเทศกาลที่เพื่อนๆและครอบครัวของผมจะย้ายที่นัดพบประจำสัปดาห์มาที่สวนลุมฯ นั่งฟังเพลงดีๆในบรรยากาศสบายๆ

ปีนี้ก็เช่นเดิม อากาศเย็นกว่าเดิม มาถึงสวนลุมฯสักสี่โมงเย็น พอดีเวลาลานจอดรถเปิด พากะทิมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่น พอได้เวลาแสดงตอนห้าโมงเย็นก็ย้ายมาที่สวนปาล์มที่อยู่ใกล้ๆกัน เพื่อนๆจองเสื่อไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เสื่อผืนหน้าสุดเช่นเดิม พร้อมของว่างอุดมสมบูรณ์ คือแล้วแต่สะดวกว่าใครจะเอาอะไรมา ใครจะทำขนมอะไรมาแจม แต่ที่แน่ๆคือชาหอมๆจากบ้านของติ้ง

ดนตรีในสวนปีนี้เริ่มวันอาทิตย์ที่เพิ่งผ่านไป แต่วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาฯและ 4 มกราฯจะงด

เจอกันคราวถัดไป อาทิตย์ที่ 28 นะครับ เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่สนใจกิจกรรมนอกบ้านที่ต่างจากการเดินห้าง ฟังเพลงคุณภาพดีชนิดที่คอนเสิร์ตราคาเป็นพันของพวกค่ายเพลงบ้านเราทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียงกรี๊ดๆ

14 December 2008

ทรราชตะวันออก ในมุมที่ต่างกัน

เมื่อวานไล่ๆดูหนังสือบนชั้นหนังสือ แล้วหยิบเอาเล่มหนึ่งออกมา เป็นหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเมืองที่เขียนเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ไม่นาน ผู้เขียนเป็นอาจารย์และนักเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่ง ที่แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับท่านในหลายๆด้าน แต่ก็เคารพและนับถือท่านในฐานะของมนุษย์ที่มีจิตใจงดงามท่านหนึ่ง
ก็เอามาอ่านในส่วนที่ท่านได้เขียนไว้ล่วงหน้าในเวลานั้น ว่าท่านประเมินไว้เช่นไร มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การประเมินมีความแม่นยำหรือคลาดเคลื่อนตรงไหนบ้าง
ก็เป็นแบบเดียวกับที่ผมไล่ๆอ่านเกี่ยวกับ Great depression ในอเมริกาเมื่อช่วงปี 1930 นั่นแหละครับ เพื่อเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของวันนั้นกับวันนี้ และดูท่าที่การตอบสนองของประเทศใหญ่ๆต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

ในหนังสือเล่มนี้ผมก็ได้ทบทวนปัจจัยอันหนึ่ง นั่นคือ Oriental Despotism ซึ่งท่านผู้เขียนได้ใช้ภาษาไทยว่า ระบบทรราชตะวันออก
แน่นอนว่ามันต้องมีระบบทรราชตะวันตกอยู่คู่กันด้วย แต่คราวนี้ของกล่าวถึงเฉพาะส่วนของตะวันออก ซึ่งได้ยกตัวอย่างสำคัญคือการปกครองของจักรวรรดิ์จีน
กล่าวโดยสรุปก็คือ จีนได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาระบบทรราชนี้มาอย่างยาวนาน จนหยั่งรากลึกมาถึงปัจจุบัน แม้ในสังคมจีนสมัยใหม่ซึ่งผ่านยุคของจักรพรรดิ์ทั้งรูปแบบและเนื้อหามาสู่การปกครองแบบสาธารณรัฐแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีลักษณะของทรราชตะวันออกอยู่เช่นเดิมและเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาค่อนข้างน้อย

มันทำให้ผมนึกถึงบ้านเราในเวลานี้ ซึ่งดูเหมือนกำลังมีความแตกต่างของความคิด แต่กลับมีหลายอย่างที่เหมือนกันจนเหมือนกับเรากำลังมองสิ่งเดียวกันจากคนละด้าน
เราต่างหลงไหลไปกับคำว่า ประชาธิปไตย จนเหมือนเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับใส่ใจกับเนื้อหาน้อยมาก ต่างฝ่ายต่างตีความไปตามมติของพวกพ้องของฝ่ายตน
แต่โดยเนื้อหาแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังเชิดชูระบบทรราชตะวันออกเหมือนกันทั้งคู่ ต่างที่เป็นทรราชคนละคน คนละแบบเท่านั้น


เรากำลังขัดแย้งกันไปทำไมก็ไม่รู้ แน่นอนว่าพัฒนาการของสังคมย่อมมีโอกาสที่จะต้องผ่านความเจ็บปวด แต่วันนี้สังคมที่อ่อนเยาว์ของเรามีโอกาสที่จะได้ศึกษาประสบการณ์ของสังคมอื่นที่ผ่านมาก่อน ทำไมถึงต้องใช้เวลาไปกับสิ่งที่เคยมีตัวอย่างมาแล้วด้วยเล่า

ตัวเรามาทีหลัง ดีกว่าไหม

ผมว่าคงมีพวกเราหลายๆคนได้สังเกตอย่างหนึ่งเวลาที่เราพูดถึงคนหลายๆคนรวมทั้งตัวเราในฐานะบุคคลที่หนึ่ง ฝรั่งเขามักจะกล่าวถึงคนอื่นๆก่อนแล้วค่อยกล่าวถึงตนเอง ทำนองว่า ....... and I,..
แต่ถ้าเป็นภาษาไทย แทบจะทุกครั้งเราจะได้ยินในทางตรงข้าม คือ ผมและ.... / ฉันและ....

ผมว่ามันดูน่ารักและเป็นการให้เกียรติ ลดตัวตนของเราลงนะ ที่จะให้ตัวของเรามาอยู่อันดับหลังสุดเหมือนที่ฝรั่งเขานิยมใช้กัน

เราลองมาปรับวิธีใช้ภาษาของเราอีกนิดดีมั้ยครับ จากที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีขึ้นไปอีก