21 April 2008

Freeze Bangkok


เมื่อวาน (วันอาทิตย์ 20 เม.ย.) พาครอบครัวไปพบปะเพื่อนฝูงตามปกติ คราวนี้สวนลุมฯเช่นเคย ตามประสาคนไม่ค่อยชอบเดินห้าง วันนี้มีวงดนตรีเยาวชน Youth Orchestra ซึ่งยังเล่นดนตรีได้น่าฟังและน่ารักเช่นเดิม แต่ผิดหวังพอสมควร (ถึงมาก) กับเพลงร้องที่เอาผู้ใหญ่มาร้อง และต้องบอกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ยังร้องเพลงไม่เป็น (เมื่อเทียบกับความสามารถในการเล่นดนตรีของเด็กๆแล้วต้องบอกว่าน่าอายมาก อย่ามาแสดงดีกว่า) บางท่านที่ร้องเพลงเป็นก็มาร้องเพลงในแนวที่ตนเองไม่เป็น เพราะถนัดร้องเพลงไทยแต่มาร้องเพลงฝรั่ง เทคนิคการร้องมันต่้างกันนะครับ ร้องเพลงไทยไม่ผิดหรอก เพลงไทยของเราก็มีเทคนิคที่ฝรั่งก็ยากที่จะทำได้ แต่เราก็อย่าไปร้องเพลงที่เราไม่ถนัดก็แล้วกัน จะร้องก็ร้องฟังเองคนเดียว นอกจากเทคนิคที่ต่างกันแล้ว การออกเสียงก็ต่างกันด้วย ผู้ร้องออกเสียงตัว R ด้วยเสียงตัว ร.เรือ คนละเรื่องเลยนะครับ
และที่รู้สึกแย่มากๆจนต้องลุกออกมาก่อน ก็ตอนที่ร้องเพลง Memory เพลงนี้สำหรับผมเป็นหนึ่งในเพลงศักดิ์สิทธิ์นะ ใครจะร้องก็ต้องถึงๆหน่อย

ก็ไม่ผิดหรอกนะครับว่าใครจะถนัดเพลงไทยหรือเพลงฝรั่ง ทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด น่าชื่นชมกว่าครับ

ช่วงเวลาเดียวกัน ในสถานที่ไม่ห่างกันนัก ก็มีเพื่อนๆในอีกแนวหนึ่ง กำลังทำกิจกรรม Freeze ที่แถวๆทางเดินเหนือสี่แยกหน้ามาบุญครอง กับ Siam Discovery แล้วก็มาที่ Siam Paragon ด้วย กิจกรรมนี้รูปแบบก็คือ พอได้เวลาที่กำหนด อาสาสมัครของกิจกรรมนี้ก็จะหยุดอยู่ที่ท่าที่ตนเองกำลังทำอยู่ในขณะนั้น หยุดนิ่งๆอยู่ประมาณ 5 นาทีจนมีสัญญาณหมดเวลา (สัญญาณอาจจะเป็นได้หลากหลายแล้วแต่ตกลงกัน)
การประสานงานกิจกรรมพวกนี้น่าสนใจนะครับ ทุกคนมาจากต่างที่กัน ติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต แล้วมาพบกันในช่วงเวลาที่นัดไว้ แล้วนัดแนะว่าพื้นที่กิจกรรมจะอยู่บริเวณไดบ้าง ใช้อาณัตสัญญาณแบบไหน ดูๆแล้วเป็นเหมือนการวางแผนรบหรือวางแผนการทำงานที่ต้องประสานกัน เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจตรงจุดนี้แหละครับ บ้านเราควรฝึกฝนการทำงานเป็นกลุ่มให้มากกว่านี้

แต่คนอายุมากๆบางคนอาจจะมองว่าเป็นการซึมซับเอาวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้กันง่ายๆ ไม่สนใจวัฒนธรรมของตนเอง แล้วตั้งข้อรังเกียจวิพากษ์วิจารณ์ ก็คงเป็นเรื่องที่คาดหวังได้ครับ ถ้าเกิดเขารู้สึกขัดหูขัดตา หรือแม้กระทั่งไปเกะกะเขา
แต่หากจะไปต่อว่าเขาในทำนองนั้น ก็อยากขอให้ผู้อาวุโสสะกิดใจสักนิดครับ ว่าเราเป็นแบบนี้กันมานานแล้ว (ครับ รวมทั้งสมัยของผู้อาวุโสด้วย) ที่ไปเอาวัฒนธรรมชาวบ้านเขามาใช้ง่ายๆ อย่างที่จะเทียบกับ Freeze ก็คือการยืนตรงเคารพธงชาติ (ที่อาจจะไม่มีในบริเวณใกล้ๆกันนั้น) นี่แหละ ที่เราเอามาใช้กันช่วงรัฐบาลเผด็จการหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่นาน ก็เอามาจากญี่ปุ่น และเดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นเขาก็เลิกทำไปแล้ว ไม่ใช่วัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดมาเนิ่นนานอะไร แต่เดี๋ยวนี้หากใครไม่ทำตาม หรือไปวิพากษ์วิจารณ์เข้าก็จะเกิดอาการ "จะเป็นจะตาย" กัน ลองตรองดูนะครับ ว่าเราเข้าใจคำว่าวัฒนธรรมกันมากน้อยแค่ไหน จริงๆแล้วอะไรควรอะไรไม่ควร อะไรคือรูปแบบอะไรคือสาระ

เริ่มจากฟังเพลง แล้วก็จบที่ฟังเพลง แต่คนละแง่

No comments: