16 October 2008

บั้งไฟพญานาค ความน่าสงสารของสังคมไทย

อยากเขียนเกี่ยวกับประเด็นนี้อยู่นานแล้วครับ ได้โอกาสตอนออกพรรษานี้ล่ะ

ความเห็นของผมเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้คือ เป็นความน่าสงสารของสังคมไทย ที่ขาดความไฝ่รู้ ไม่รักการค้นหาความจริง

สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นเดียวกับฟ้าร้อง แต่แทนที่เราจะใช้โอกาสนี้ศึกษาเืพื่อให้รู้จักธรรมชาติของมัน เพื่อจะได้้รู้ว่าจะรักษามันไว้ได้อย่างไรให้เป็นเอกลักษณ์ของเราไปอีกนานเท่านาน แต่ที่เราทำก็ได้เพียงรู้สึกตื่นเต้นไปกับมันเป็นคราวๆ เหมือนเป็นเพียงมหรสพชนิดหนึ่งเท่านั้น
ซ้ำร้ายคนบางกลุ่มยังขัดขวางการศึกษา อ้างว่าไปก้าวล่วงความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งที่ตนเองไม่รู้ธรรมชาติของมันเข้าด้วย
เราสนใจปรากฏการณ์นี้ และสิ่งแปลกใหม่อื่นๆแค่เสมอกับมหรสพเท่านั้น มีสักกี่คนที่สนใจธรรมชาติความเป็นมาและความเป็นไปของสรรพสิ่งรอบตัว

ครั้งหนึ่ง ฟ้าร้องเคยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจที่อธิบายไม่ได้และน่าสพรึงกลัว
ทุกวันนี้แม้เราจะรู้จักธรรมชาติของไฟฟ้าในอากาศ แต่ความรู้สึกครั่นคร้ามต่อธรรมชาติก็ยังคงเดิม ไม่มีความรู้ไดจะขัดขวางได้
บั้งไฟพญานาคก็จะไม่ต่างกัน ความศักดิ์สิทธิ์และความน่าตื่นตาตื่นใจจะยังคงเดิม แม้เราจะรู้จักมันแล้วก็ตาม เหมือนที่แสงเหนือแสงไต้ที่ยังเป็นภาพที่ตื่นใจต่อผู้ที่พบเห็น เป็นสิ่งที่หาดูที่อื่นไม่ได้

แต่หากวันหนึ่งเหตุปัจจัยของการเกิดบั้งไฟพญานาคหมดไป จะด้วยความไม่รู้ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราก็จะเสียมันไปอย่างไม่รู้เลยว่า จะเรียกมันกลับมาอีกได้อย่างไร

ถึงเวลา และได้ผ่านเวลาไปมากแล้ว ที่เราจะเริ่มต้นมองบั้งไฟพญานาคด้วยทัศนะใหม่ และเริ่มศึกษาหาความจริงในธรรมชาตินี้อย่างจริงจังครับ

No comments: