22 December 2007

บันทึกการเดินทาง, นางาซากิ

22 พฤศจิกายน 2550
เตรียมการเดินทาง
เรื่องของเรื่องก็คือ บริษัทที่ผมรับจ้างเขาอยู่ มีงานชิ้นหนึ่งมอบหมายให้ผมไปทำที่นางาซากิ ก็เลยมีโอกาสได้ไปเมืองนอกอีกครั้ง ภารกิจคราวนี้เป็นงานที่ไปรับมาจากบริษัทญี่ปุ่น โครงการอยู่ที่เวียตนาม แต่ไปฝึกอบรมพนักงานของเวียตนามที่ญี่ปุ่นครับ โดยผมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมกับเขาด้วย หลังจากที่เตรียม PowerPoint เรียบร้อย ผมก็จัดการเรื่องวีซ่า โดยศึกษาไปด้วยว่าจะเดินทางยังไง เพราะท่าทางน้องคนที่ดูแลเรื่องนี้ที่บริษัทท่าทางจะยุ่งๆอยู่
หากคิดแว่บแรก จะไปนางาซากิก็คงต้องไปตั้งหลักที่โตเกียวหรือโอซาก้าก่อน เพราะสายการบินที่ไปนางาซากิจะเป็นสายการบินในประเทศไม่งั้นก็ต้องบินมาจาก จีนหรือเกาหลี
แต่ถ้าค้นต่ออีกหน่อยจะพบว่าเราบินตรงจากกรุงเทพฯไปลงที่ฟุกุโอกะได้ แล้วจากฟุกุโอกะเราก็เดินทางด้วยรถไฟอีกสองชั่วโมงก็จะถึงกลางเมืองนางา ซากิเลย ไม่ต้องนั่งรถอีกไกลมากจากสนามบินเข้าเมือง ตกลงไปฟุกุโอกะดีกว่า เมืองเล็กๆดีด้วย เดินทางสะดวกดีครับ ว่าแล้วก็จัดแจงให้น้องเขาดูแลเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ ส่วนที่พักทางโน้นเขาแนะนำให้เราเรียบร้อย ท่าทางจะสะดวกมากด้วยเพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ก็ขอให้น้องเขาจัดการเรื่องที่พักด้วย
เรียบร้อยครับ มีทั้งตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก แค่นี้ก็เป็นส่วนสำคัญทั้งหมดของการเดินทางแล้ว บวกกับจดหมายเชิญจากทางญี่ปุ่นผมก็มีทุกอย่างที่จะไปขอวีซ่าสบายๆ วีซ่าใช้เวลาเพียงสามวันก็ไปรับหนังสือเดินทางคืนได้
การเดินทางคราวนี้นายจ้างเขาให้เวลามาเหลือเฟือ ความที่เครื่องบินไปถึงเอาเช้า กว่าจะเดินทางไปถึงที่ทำงานอีก ก็เลยต้องเดินทางล่วงหน้านิดหน่อย ทำให้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง แล้วหลังจากงานเสร็จก็ต้องรอกลับตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ทำให้การทำงานเพียงไม่เกินสองชั่วโมงในวันจันทรค์คราวนี้ ต้องใช้เวลาตั้งแต่คืนวันเสาร์เพื่อออกเดินทางไปถึงตอนเช้าวันอาทิตย์ จากนั้นก็กลับในวันอังคาร ทำให้ผมมีเวลาพอสมควรที่จะเดินเที่ยวก่อนและหลังทำงานครับ ไม่เหมือนคราวก่อนๆที่เรียกว่าพอไปถึงก็ลงมือทำงานเลย และพอเสร็จงานก็ขึ้นเครื่องกลับเพราะดันไปทำงานเมืองใหญ่ๆที่มีเครื่องบิน กลับบ้านเราได้วันละหลายๆเที่ยว
จะว่าไปกรุงเทพฯของเรานี่ก็เมืองใหญ่นะครับ จะไปเมืองใหญ่ๆจากกรุงเทพฯก็หาเครื่องบินได้ง่ายและมีทางเลือกเยอะแยะ มันก็เลยทำให้การไปติดต่องานกับเมืองใหญ่ๆแทบไม่ต้องรอคอยเครื่องบินมากนัก ข้อเสียคืออดเที่ยว
เครื่องบินจากกรุงเทพฯไปฟุกุโอกะมีเพียงวันละ 1-2 เที่ยวครับ คือของการบินไทยมีทุกวัน ส่วนบางกอกแอร์มีวันเว้นวัน บินในเวลาใกล้เคียงกัน ผมเลยเลือกบางกอกแอร์เพราะอยากนั่งเครื่องที่เล็กหน่อย บางกอกแอร์ใช้เครื่อง Airbus 320 ซึ่งลำขนาดเท่าๆกับ Boeing 737 ไม่ใหญ่มาก มีช่องเดินกลางเครื่องแค่ช่องเดียว ขณะที่การบินไทยใช้เครื่อง Airbus A330 มี 2 ช่องทางเดินกลางเครื่อง ทำให้ดูน่าขนลุกเวลาขึ้นไปแล้วเห็นคนนั่งกันแน่นขนัด อีกอย่างหนึ่งบางกอกแอร์มีห้องรับรองที่นั่งสบายกว่าห้องรับรองของการบิน ไทยที่สุวรรณภูมิครับ ความจริงพื้นที่รับรองของการบินไทยที่สุวรรณภูมิ (Economy/Transit Launge) ของการบินไทยทีสุวรรณภูมิก็จัดว่าดีกว่าสมัยอยู่ดอนเมืองพอสมควรนะครับ แต่พอดีว่ามีบางกอกแอร์เป็นทางเลือกอีกอันสำหรับผมเท่านั้นเอง
ระหว่างที่ศึกษาข้อมูลการเดินทาง ก็ได้โอกาสข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับนางาซากิมาด้วย เป็นเมืองที่น่าสนใจครับ นางาซากิเป็นเมืองท่าที่เปิดรับชาวต่างชาติคือโปรตุเกสเป็นแห่งแรกใน ญี่ปุ่นและยังคงเป็นประตูสู่ต่างชาติแม้ในช่วงที่ปิดประเทศ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมานาน ที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งคือ ขนมพื้นบ้านของนางาซากิอันหนึ่งคือ คาสุเตระนั้นมาจาก Castella ซึ่งผมคาดว่าน่าจะมีอะไรๆที่คล้ายกับขนมของไทยบางอย่างด้วย ไว้ต้องไปเดินหาสักหน่อย
สถานที่ท่องเที่ยวในนางาซากิจะมีสองแบบคือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมต่างชาติกับส่วนที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลก ซึ่งทั้งสองส่วนอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟและที่พักไม่มากครับ และเดินทางได้สะดวกด้วยรถราง
ไปทำงานคราวนี้คงได้มีโอกาสดูอะไรๆมากหน่อยครับ ไม่ใช่แค่รีบๆไปแล้วอยู่แต่ในห้องประชุมเหมือนคราวก่อนๆ
อินเทอร์เน็ตทำให้เราได้ข้อมูลสำคัญๆได้ดีทีเดียวครับ ได้เห็นภาพของสนามบินฟุกุโอกะ สถานีรถไฟฮาคาตะ สถานีรถไฟนางาซากิ และจุดต่างๆด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียม แล้วยังได้ดูภาพถ่ายมุมต่างๆของสถานที่เหล่านี้ด้วย ได้เห็นภาพของอาคารสนามบินที่แยกกันระหว่าง International กับ Domestic อยู่คนละฟากของสนามบินโดยมีบริการ Shuttle bus เชื่อมต่อ เห็นชานชาลาสถานีรถไฟ เห็นลักษณะเด่นของสถานีรถไฟนางซากิที่มีหลังคาโค้งยื่นออกมาจากอาคารข้าง เคียงกับมีทีวีจอใหญ่ แล้วก็ถังทรงกลมบรรจุก๊าซที่ใกล้ๆกับสถานี ภาพพวกนี้ทำให้ผมคุ้นเคยกับสถานที่ได้เร็วมากแทบจะในทันทีที่ไปถึงครับ แผนการเดินทางโดยละเอียดถูกบันทึกลงใน Pocket PC รวมทั้งแผนสำรองด้วย ผมจะไปถึงสนามบินฟุกุโอกะในตอนเช้าวันเสาร์ จากนั้นก็นั่งรถ Shuttle bus ไปที่ Domestic terminal จากนั้นก็นั่งรถไต้ดินไป 2 สถานีไปขึ้นที่ Hakata แล้วก็ซื้อตั๋วรถไฟ Kamome เที่ยว 9.00 น. ไปนางาซากิ ซึ่งหากผมพลาดรถไฟเที่ยวนี้ก็จะไปเที่ยว 10.00 น. แทน และจะไปถึงนางาซากิเอาประมาณเที่ยง จากนั้นก็มีเวลาเดินเที่ยวจนถึง 17.00 น. นัดคุยกับเจ้าหน้าที่ของลูกค้าเกี่ยวกับรายละเอียดของงานในวันรุ่งขึ้น ส่วนขากลับผมจะนั่งรถเที่ยว 6.00 น. หรือหากพลาดก็เป็นเที่ยว 7.30 น. มาฟุกุโอกะเพื่อขึ้นเครื่องตอนประมาณ 10.00 น. และขึ้นบินกลับตอน 11.00 น.
สำรองข้อมูล PowerPoint ไปด้วย การบิน 6 ชั่วโมงกับเครื่องที่ไม่มีจอทีวีส่วนตัวให้ดูอาจจะน่าเบื่อสักนิดผมก็ เตรียมหนังสือไปอ่านจำนวนหนึ่ง ก็โอเคแล้วครับพร้อมทุกอย่างสำหรับการเดินทาง

No comments: